ความหิวเป็นสัญญาณที่ร่างกายส่งไปยังสมองเมื่อคุณต้องการอาหาร แต่สัญญาณนี้อาจได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ดังนั้นจริงๆ แล้วคุณอาจไม่ได้ต้องการแคลอรี่ตามที่คุณคิดว่าคุณต้องการ แล้วอะไรที่ส่งผลต่อวิธีที่ร่างกายคุณทำให้คุณรู้ว่าคุณหิวและคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณต้องการอาหารจริงๆ หรือไม่? ต่อไปนี้คือ 11 เหตุผลที่เป็นไปได้

1. อดนอน

การนอนหลับมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ การนอนหลับส่งผลหลายประการ เช่น การควบคุมฮอร์โมนและความจำ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการอดนอนอาจทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น การอดนอนยังส่งผลต่อวิถีการกินและอาหารที่คุณอยากกิน ความหิวถูกควบคุมโดยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เลปตินและเกรลิน เลปตินเป็นฮอร์โมนที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมันซึ่งบอกคุณเมื่อคุณอิ่ม ขณะที่เกรลินหรือที่เรียกว่าฮอร์โมนความหิวจะบอกคุณว่าร่างกายคุณหิว

นายแพทย์ Armaghan Azad ซึ่งเป็นแพทย์เวชศาสตร์ด้านวิถีการดำเนินชีวิต กล่าวว่า “การนอนหลับน้อยกว่าหกชั่วโมงต่อคืนจะกระตุ้นสมองของคุณซึ่งเพิ่มความต้องการอาหารของคุณ เมื่อระดับของเกรลินเพิ่มขึ้นและระดับของเลปตินลดลง จะทำให้เกิดวัฏจักรความหิวซึ่งทำให้เกิดความอยากอาหารทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น วัฏจักรนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณมีไขมันและน้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่ยังนำไปสู่การพัฒนาของโรคอ้วน ภาวะก่อนเป็นเบาหวาน เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และการอักเสบเรื้อรัง”

2. ความเครียด

การมีความเครียดที่ยืดเยื้อสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้ ความเครียดเป็นการตอบสนองตามปกติของร่างกายต่อสถานการณ์ที่ตึงเครียด เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้นจะทำให้ร่างกายของเราเต็มไปด้วยฮอร์โมนคอร์ติซอล ในช่วงที่มีความเครียดร่างกายจะเตรียมน้ำตาลหรือพลังงานให้เพียงพอเพื่อให้อยู่รอด ระดับอินซูลินจะลดลง ระดับอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้น และ กลูโคสถูกขับออกจากตับมากขึ้น ในขณะเดียวกันระดับคอร์ติซอลก็สูงขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายของคุณไวต่ออินซูลินน้อยลง เป็นผลให้ในกระแสเลือดมีกลูโคสมากขึ้นและเมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้รู้สึกหิวและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3. แคลอรี่เหลว

การดื่มเครื่องดื่มแคลอรีแทนการกินอาหารปกติสามารถนำไปสู่ความรู้สึกหิวได้ ท้องของคุณจะส่งสัญญาณไปยังสมองของคุณเมื่อมีอาหารเต็มท้องซึ่งต้องใช้เวลาในการย่อย คุณจะไม่รู้สึกหิวอีกจนกว่าอาหารนั้นจะเคลื่อนผ่านกระเพาะและเข้าไปในระบบย่อยอาหารที่เหลือของคุณ แต่หากคุณดื่มเครื่องดื่มแคลอรี่ (เช่น สมูทตี้ เชค ซุป หรือ น้ำผลไม้) คุณจะย่อยอาหารเหล่านั้นได้เร็วกว่าอาหารปกติ เช่น ข้าวโอ๊ต ดังนั้นในขณะที่คุณยังคงบริโภคแคลอรีในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รับสารอาหารสูงสุด คุณจะไม่รู้สึกอิ่มและอาจบริโภคแคลอรีส่วนเกินเพื่อสนองความรู้สึกนั้น 

4. ขาดเส้นใยอาหาร

การมีวิตามินและแร่ธาตุที่ดีผสมอยู่ในอาหารของคุณเป็นหัวใจสำคัญของระบบย่อยอาหารที่ดี เส้นใยอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาและช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มหลังจากรับประทานอาหาร อาหารอเมริกันทั่วไปนั้นเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ซึ่งผ่านการแปรรูปและดึงใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุออกจากอาหาร แป้งขาวเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีและถูกใช้ในการทำขนมปังและพาสต้าส่วนใหญ่ ส่วนน้ำอัดลม ลูกกวาด และอาหารที่ทำจากน้ำเชื่อมและน้ำตาลที่มีฟรุกโตสสูงถือเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีแล้ว เนื่องจากอาการที่กล่าวถึงเหล่านี้ขาดเส้นใย ดังมันจึงถูกร่างกายของคุณย่อยได้เร็วมาก การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีมากจะทำให้รู้สึกหิวแม้เพิ่งทานเสร็จ  

5. ไทรอยด์เป็นพิษ

ไทรอยด์เป็นพิษเป็นภาวะที่ร่างกายของคุณสร้างฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในต่อมไทรอยด์ช่วยควบคุมการเผาผลาญอาหาร เมื่อคุณมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษจะทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานตลอดเวลา และผู้ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษมักจะประสบปัญหาน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุและรู้สึกหิวอย่างต่อเนื่อง

6. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

Sheri Vettel ระบุว่า “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 500-600 

แคลอรี่ต่อวัน” นี่เทียบเท่ากับการวิ่งแปดกิโลเมตรในแต่ละวันโดยประมาณ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่จะต้องบริโภคแคลอรี่ให้เพียงพอต่อการให้นมลูก Sheri Vettel ยังได้แนะนำให้ทดแทนแคลอรี่เหล่านี้ด้วยของว่างที่ทำได้ง่าย เตรียมได้รวดเร็ว และดีต่อสุขภาพ เช่น ถั่วหรือเมล็ดพืชผสมผลไม้แห้งที่ทำเอง

7. น้ำตาลในเลือดต่ำ

ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำสามารถนำไปสู่ความรู้สึกหิวเช่นเดียวกับการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง การรับประทานอาหารไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดก็ตามจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งนี้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าอาหารอื่นๆ การมีน้ำตาลในเลือดต่ำทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น อะดรีนาลีน ซึ่งเป็นตัวกำหนดสัญญาณเตือนน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น อาการสั่นและรู้สึกหิว

8. การกินในขณะที่ฟุ้งซ่าน

เราทุกคนรู้ดีว่าการเสียสมาธิและกินในขณะที่ฟุ้งซ่านนั้นเกิดขึ้นง่ายเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำงานหรือดูแลเด็ก งานวิจัยในปี 2020 ชี้ให้เห็นว่าเมื่อคนหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรงฟุ้งซ่านจะรับประทานอาหารน้อยลงอย่างมากและความจำเกี่ยวกับอาหารของพวกเขาลดลง ส่งผลให้มีการบริโภคแคลอรีโดยรวมน้อยลง ทำให้รู้สึกหิวอย่างต่อเนื่อง 

9. ภาวะดื้อต่อเลปติน

เลปตินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความรู้สึกอิ่ม ลดความอยากอาหาร และช่วยควบคุมน้ำหนัก บางคนมีภาวะดื้อต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและอาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วนได้ การดื้อต่อเลปตินอาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของฮอร์โมนที่เกิดจากโรคอ้วนหรือปัญหาการเผาผลาญอื่นๆ ผู้ที่มีภาวะดื้อต่อเลปตินอาจไม่เคยรู้สึกอิ่มเลย ดังนั้นพวกเขาจึงลำบากมากในการบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เหมาะสม

10. ยา

ยาบางชนิดสามารถเพิ่มความรู้สึกหิวและส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ยาบางชนิดที่มีผลข้างเคียง ได้แก่ ยากล่อมประสาทและยารักษาโรคจิต คอร์ติโคสเตียรอยด์ อินซูลิน ยารักษาโรคลมบ้าหมู ตัวบล็อกเบต้า และ โอปิออยด์ สาเหตุของความรู้สึกหิวที่เพิ่มขึ้นจากยาเหล่านี้แตกต่างกันไป โดยยาหลายชนิดส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย การกำจัดฮอร์โมนตัวใดตัวหนึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคุณ ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ เมแทบอลิซึมของคุณจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลต่อความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และระดับความชุ่มชืน่าด้วย ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกหิวและเหนื่อย และมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายน้อย

11. การขาดน้ำ

หากคุณรู้สึกหิวระหว่างมื้ออาหาร จริงๆ แล้วคุณอาจแค่กระหายน้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอมีความสำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพในทุกส่วนของร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ระบบย่อยอาหาร และ ผิว นอกจากรู้สึกหิวแล้ว ภาวะขาดน้ำยังนำไปสู่อาการวิงเวียนศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ วิตกกังวล และ ซึมเศร้า หากคุณรู้สึกหิวให้ลองดื่มน้ำแก้วใหญ่ก่อน 

“อย่างไรก็ตาม”

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คุณรู้สึกหิวตลอดเวลา ความหิวมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณต้องการสารอาหาร ดังนั้นจงฟังร่างกายของคุณ หากความรู้สึกหิวเกิดขึ้นตลอดเวลาหรือเกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหารตามปกติของคุณ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุของโรคแฝงใดๆ ทั้งนี้การเลือกรับประทานเพื่อสุขภาพและการดื่มน้ำปริมาณมากเป็นวิธีที่ดีในการสนองความอยากอาหารของคุณ