Search
Close this search box.

วิธีเช็กช่องคลอดปกติและอาการผิดปกติที่ควรรู้

2 นาที

01/11/2024

แชร์เนื้อหา:

แพ็คเกจที่คุณอาจสนใจ

ปกติ 24,820 บาท ลดเหลือ 15,000 บาท

ปกติ 28,500 บาท ลดเหลือ 17,500 บาท

ปกติ 16,500 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท

ช่องคลอด (Vagina) เป็นอวัยวะสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ที่ไม่เพียงแค่เป็นทางผ่านของประจำเดือนและทารก แต่ยังมีบทบาทในการป้องกันการติดเชื้อและรักษาสมดุลในระบบสืบพันธุ์ โดยช่องคลอดมีระบบการทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติ ผ่านการผลิตสารคัดหลั่งและการทำงานของแบคทีเรียที่ดี การเข้าใจลักษณะของช่องคลอดปกติจึงเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมในการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

ลักษณะของช่องคลอดปกติ

ช่องคลอดปกติมีลักษณะเป็นท่อกล้ามเนื้อที่มีความยาวประมาณ 7-10 เซนติเมตร ผนังด้านในมีรอยพับที่ช่วยให้สามารถยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ โดยเฉพาะในระหว่างการคลอด ผนังช่องคลอดมีสีชมพูอมแดงอ่อน และมีความชุ่มชื้นจากสารคัดหลั่งตามธรรมชาติ ปากช่องคลอดจะมีลักษณะปิดสนิทพอดี ไม่หลวมหรือตึงเกินไป และมีการหลั่งสารคัดหลั่งที่ช่วยในการหล่อลื่นและป้องกันการติดเชื้อ ช่องคลอดปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัยและช่วงต่างๆ ของชีวิต:

ในวัยเจริญพันธุ์ ช่องคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน โดยสารคัดหลั่งจะมีลักษณะและปริมาณที่แตกต่างกัน:

  • ช่วงก่อนตกไข่: ตกขาวจะใสและมีลักษณะคล้ายไข่ขาวดิบ
  • ช่วงหลังตกไข่: ตกขาวจะข้นขึ้นและมีสีขาวขุ่น
  • ช่วงมีประจำเดือน: จะมีการหลั่งเลือดประจำเดือนตามปกติ

ในระหว่างการตั้งครรภ์ ช่องคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด มีการเพิ่มการไหลเวียนเลือดและการขยายตัวของเนื้อเยื่อ ทำให้อาจมีสารคัดหลั่งเพิ่มขึ้น ในวัยหมดประจำเดือน เยื่อบุช่องคลอดจะบางลงเนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ความชุ่มชื้นลดลงและอาจเกิดอาการแห้งได้ง่าย

การสังเกตช่องคลอดผิดปกติ

การเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ถึงช่องคลอดผิดปกติมักมาพร้อมกับสัญญาณเตือนหลายประการ โดยแสนรอบปากช่องคลอดอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้น นอกจากนี้ ลักษณะภายในช่องคลอดที่ผิดปกติอาจรวมถึง:

ความผิดปกติของสารคัดหลั่ง:

  • การเปลี่ยนสีของตกขาวเป็นสีเหลือง เขียว หรือเทา
  • กลิ่นผิดปกติที่รุนแรงหรือไม่พึงประสงค์
  • ปริมาณที่มากหรือน้อยผิดปกติ
  • ลักษณะที่เปลี่ยนไปเป็นก้อนหรือมีเลือดปน

อาการทางกายภาพ:

  • อาการคัน แสบ หรือระคายเคือง
  • ความเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • การบวมหรือแดงบริเวณปากช่องคลอด
  • ความรู้สึกไม่สบายขณะปัสสาวะ

การวินิจฉัยช่องคลอดผู้หญิงโดยแพทย์

เมื่อพบความผิดปกติ การตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจภายในเพื่อประเมินลักษณะอวัยวะเพศหญิง แพทย์อาจใช้ช่องคลอดปกติ ภาพจริงเป็นแนวทางในการเปรียบเทียบและวินิจฉัย นอกจากนี้อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • การตรวจหาเชื้อก่อโรคด้วยการเพาะเชื้อ
  • การตรวจค่าความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอด
  • การตรวจทางพยาธิวิทยาในกรณีที่สงสัยมะเร็ง
  • การตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูความผิดปกติของอวัยวะภายใน

วิธีการดูแลช่องคลอด

การดูแลสุขภาพช่องคลอดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ต่อไปนี้เป็นแนวทางการดูแลช่องคลอดที่ควรปฏิบัติ:

การรักษาความสะอาด

การทำความสะอาดช่องคลอดควรใช้น้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ สำหรับทำความสะอาดภายนอกเท่านั้น ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำลายสมดุลธรรมชาติของช่องคลอด ควรเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากทวารหนัก

การเลือกชุดชั้นใน

ควรเลือกชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการอับชื้น ควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวันเพื่อรักษาความสะอาด

การดูแลระหว่างมีประจำเดือน

ในช่วงมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4-6 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกว่าผ้าอนามัยมีความชื้น เลือกใช้ผ้าอนามัยที่เหมาะสมกับสภาพผิวและไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น

การดูแลด้านโภชนาการ

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำสะอาดเพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องคลอด การทาน โพรไบโอติก ที่พบในอาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และนัตโตะ หรือเสริมจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน

นอกจากนี้ พรีไบโอติก เช่น ใยอาหารจากผักผลไม้ (กระเทียม หัวหอม กล้วย หน่อไม้ฝรั่ง) จะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ซึ่งช่วยให้โพรไบโอติกทำงานได้ดีขึ้นและรักษาความสมดุลในระบบย่อยอาหาร

การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงและพร้อมต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ

เมื่อใดควรพบแพทย์

ควรปรึกษาแพทย์หากพบอาการผิดปกติในช่องคลอดที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น:

  • มีเลือดออกผิดปกติ นอกช่วงรอบเดือน
  • มีอาการปวดท้องน้อย รุนแรงหรือไม่หายไป
  • มีตกขาวผิดปกติ ที่ไม่หายภายใน 1 สัปดาห์
  • มีอาการแสบหรือคัน รุนแรงที่ไม่หายไป
  • มีอาการผิดปกติอื่น ที่รู้สึกไม่สบายและไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีการทั่วไป

บทสรุป

การดูแลและสังเกตสุขภาพช่องคลอดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิง การทำความเข้าใจลักษณะของช่องคลอดปกติและการสังเกตการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ช่วยให้เราสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้นและรู้ว่าเมื่อใดที่ควรปรึกษาแพทย์

นอกจากการดูแลสุขอนามัยประจำวันแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปีกับแพทย์นรีเวชก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อป้องกันและตรวจหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

ชวัลนุช ม่วงประเสิรฐ

Chawannut Muangprasert

ประวัติการศึกษา

Master's degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor's degree : Faculty of Medicine,Ramathibodi hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology

บทความที่น่าสนใจ