Wellness Center คืออะไร
Wellness Center คือศูนย์สุขภาพที่ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพไว้ในศูนย์บริการ ภายใน Wellness Center จะมีทั้งบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพร่างกาย นักจิตบำบัด และแพทย์ทางเลือกที่ทำหน้าที่พัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้เข้ารับบริการ ดังนั้น Wellness Center จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้คนทุกช่วงวัยที่กำลังต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกาย และจิตใจจากการเข้ารับบริการด้วยบุคลากรด้านสุขภาพและเครื่องมือเพื่อสุขภาพที่ทันสมัยในที่เดียวกัน
3 ประเภทของศูนย์สุขภาพ(Wellness Center)
1. ศูนย์สุขภาพทั่วไป
ศูนย์สุขภาพทั่วไป มักพบในมหาวิทยาลัยหรือในบริษัทขนาดใหญ่ เน้นช่วยเหลือนักศึกษาหรือพนักงานในบริษัทในการจัดการความเครียด โภชนาการ และสุขภาพโดยรวม ซึ่งอาจเป็นแผนกภายในหรือเป็นศูนย์สุขภาพที่มาจากการจัดหาจากภายนอกองค์กรก็ย่อมได้ เช่น Thammasat Well Being Center ของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น
2. ศูนย์สุขภาพเฉพาะทาง
ศูนย์สุขภาพเฉพาะทาง เช่น ศูนย์สุขภาพด้านลดน้ำหนัก ศูนย์สุขภาพด้วยการฝังเข็ม ศูนย์สุขภาพที่โดดเด่นด้านการดูแลผิวพรรณ ฟิตเนส สปา และอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ช่วยปรับปรุงฟื้นฟูสุขภาพกายและใจด้วยกิจกรรม เครื่องมือ และการรักษาทางเลือกแบบใหม่ต่าง ๆ
3. ศูนย์สุขภาพที่ดำเนินการโดยแพทย์
ศูนย์สุขภาพที่ดำเนินการโดยแพทย์ มักถูกเรียกว่าคลินิกด้านสุขภาพ(Wellness Clinic) หรือ ศูนย์สุขภาพครบวงจร(Wellness Center) ที่มักให้บริการโดยกลุ่มแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่าง จิตแพทย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ชะลอวัย และนักกายภาพบำบัด เป็นต้น
เนื่องจากคำว่า ศูนย์สุขภาพ(Wellness Center) แท้จริงแล้วอาจมีความหมายในวงกว้างและถูกใช้กับสถานบริการด้านสุขภาพหลายประเภท ดังนั้น ผู้สนใจใช้บริการควรสอบถามและควรทำความเข้าใจละเอียดเกี่ยวกับประเภทของศูนย์สุขภาพที่ตนกำลังสนใจ เพราะการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายและนโยบายประกันสุขภาพของตน ซึ่งท้ายที่สุดจะรวมถึงผลลัพธ์ของสุขภาพที่ได้รับหลังเข้ารับการบริการ
ประโยชน์ของศูนย์สุขภาพ(Wellness Center)
หลายท่านอาจกำลังสงสัยว่า เมื่อไหร่ควรใช้บริการจาก Wellness Center? นี่คือข้อดีและประโยชน์ของ Wellness Center ที่เรารวบรวมไว้ซึ่งมันอาจเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของคุณได้ ดังนี้
1. เป็นการรักษาทางเลือกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
Wellness Center มักจะทำการรักษาที่อยู่บนพื้นฐานของวิถีการแพทย์องค์รวม(Holistic Medicine) กล่าวคือเป็นวิธีเป็นธรรมชาติมากกว่าการจัดการรักษาปัญหาสุขภาพเฉพาะด้านที่แตกต่างจากการรักษาในโรงพยาบาลแบบปกติ ศูนย์สุขภาพมักเริ่มที่การเสนอแนวทางรักษาแบบทางเลือกจากความเชื่อที่ว่า “มนุษย์นั้นสามารถรักษาตัวเองได้โดยธรรมชาติ” ซึ่งการรักษาสุขภาพ(Wellness)จะต้องมุ่งเน้นทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กัน
การรักษาแบบ Wellness Center จะมุ่งเน้นการปรับปรุงแผนการรักษาตามความเชื่อส่วนบุคคล ประวัติทางการแพทย์ ผลการตรวจสุขภาพด้วยเครื่องมือ สถิติโดยรวมของร่างกาย และแนวคิดตามธรรมชาติของผู้เข้ารับบริการ เช่น หากคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพกาย Wellness Center จะมอบแผนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตปัจจุบันของคุณโดยวินิจฉัยจากข้อมูลเชิงลึกของผู้เข้ารับบริการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ การทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีผ่านเครื่องมือบรรเทาอาการแทนการผ่านตัดใหญ่ทั่วไป หรือ ในกรณีที่คุณกำลังมีปัญหาด้านสุขภาพจิต แผนการรักษาของศูนย์สุขภาพจะนำเสนอการรักษาทางเลือกซึ่งไม่พึ่งพาการทานยาแต่เพียงอย่างเดียว
2. เป็นการรักษาด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย
Wellness Center มักมีสถานที่ให้บริการซึ่งมีความผ่อนคลายมากกว่าสถานพยาบาลทั่วไปที่แออัดและหนาแน่นไปด้วยผู้คนเช่นโรงพบาบาลและคลินิก ด้วยการใช้วิถีของการแพทย์องค์รวมที่ Wellness Center มุ่งเน้นการรักษาทั้งร่างกายและจิตใจ การตกแต่งและการบริการของศูนย์สุขภาพ(Wellness Center)จะสร้างความรู้สึกแห่งความสุข ความผ่อนคลาย และความสงบสุข ด้วยสถานที่ซึ่งเป็นมิตรต่อจิตใจเช่นนี้ย่อมช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลน้อยลงเกี่ยวกับการจะต้องดูแลสุขภาพของตน ทั้ง Wellness Center ส่วนมากในกรุงเทพยังสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกแก่การนัดหมายในตัวเมือง เช่น มีสถานที่จอดรถที่เหมาะสม และการเดินทางด้วยการขนส่งสารธารณะมายังศูนย์สุขภาพที่มักอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า
3. แก้ปัญหาสุขภาพได้จริงซึ่งไม่ใช่เพียงช่วยบรรเทาอาการ
หลายท่านคงคุ้นเคยกับการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลและคลินิกบ่อยครั้ง แต่กลับได้ผลลัพธ์เพียงการบรรเทาอาการของสุขภาพที่เสื่อมถอยลง แตกต่างกับการเข้ารับการรักษาที่ศูนย์สุขภาพ(Wellness Center) เนื่องจากศูนย์สุขภาพมักใช้พื้นฐานของแนวทางแบบองค์รวม วิธีการรักษาจึงแตกต่างจากวิธีปฏิบัติแบบทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของศูนย์จะมุ่งตรงไปที่การระบุต้นตอของปัญหาจากการสำรวจทั้งสุขภาพกายและจิตของผู้เข้ารับบริการแทนการรักษาอาการที่ปลายเหตุ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็นทุกข์จากอาการปวดหัวเรื้อรังจากการทำงานหนักมักจะได้รับยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ที่ศูนย์สุขภาพ ผู้ป่วยสามารถได้รับการตรวจสอบวิเคราะห์ร่างกายอย่างละเอียดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่นสภาวะทางจิตใจที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวแทนสาเหตุทางกายภาพทั่วไป
4. มอบความสะดวกสบาย
Wellness Center หรือ ศูนย์สุขภาพไม่ได้เป็นเพียงสถานบริการด้านสุขภาพครบวงจรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพหลากหลายศาสตร์มารวมตัวกันเพื่อสร้างมันขึ้นมา Wellness Center บางแห่งอาจมีนักโภชนาการ นักจิตบำบัด แพทย์ด้านกระดูก ไลฟ์โค้ช หมอฟัน และนักกายภาพบำบัด บุคลากรด้านสุขภาพทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน Wellness Center แห่งเดียว ดังนั้น Wellness Center จึงสามารถมอบความสะดวกสบายและยังประหยัดเวลาให้กับผู้ป่วยได้หากต้องเดินทางเข้ารับการรักษาสุขภาพหลายรายการในที่เดียว
Health กับ Wellness ต่างกันอย่างไร
หากคุณกำลังมองหา Wellness Center มักต้องเคยพบเห็นคำว่า Health Center ผ่านตากันมาบ้าง นี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ Welida Health กำลังเผชิญจากลูกค้าที่สนใจเข้ารับบริการ ดังนั้นเราจะมาแยกความต่างระหว่าง Health VS Wellness กันก่อน
คนส่วนใหญ่มักใช้คำว่า “สุขภาพ(Health)” และ “สุขภาวะ(Wellness)” สลับกันไปมาโดยทั้งสองคำนี้มักถูกใช้ร่วมกันเสมอ(Health and Wellness) แต่ในความเป็นจริงทั้งสองคำนี้มีแนวคิดที่แตกต่างกันและมีความหมายโดยนัยยะที่ต่างกันอยู่ กล่าวคือ
องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้นิยามคำว่า “สุขภาพ(health)” ว่าเป็น “สภาวะแห่งความสมบูรณ์ทางร่างกาย จิตใจ และสุขภาวะทางสังคม ไม่ใช่เพียงการปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น”
“the state of complete physical, mental and social well-being, and not merely the absence of disease or infirmity”.
– WHO
ส่วนคำว่า “สุขภาวะ(Wellness)”สถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute หรือ GWI) นิยามว่าเป็น “ทางเลือกในการหากิจกรรมทางเชิงบวกในการดำรงชีวิตของบุคคลหนึ่งเพื่อให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดีอย่างสมบูรณ์”
“the active pursuit of activities, choices and lifestyles that lead to a state of holistic health.”
– Global Wellness Institute
ดังนั้น ความแตกต่างหลักระหว่างสุขภาพ(Health)และสุขภาวะ(Wellness) คือ สุขภาพเป็นเป้าหมายเชิงบวก ในขณะที่สุขภาวะเป็นกระบวนการหรือวิธีการในการบรรลุเป้าหมายนั้น คุณจึงไม่สามารถมีสุขภาพที่ดีได้โดยไม่บรรลุสุขภาวะที่ดีก่อน โดยสุขภาวะที่ดีนั้นมีความสำคัญโดยตรงต่อสุขภาพโดยรวม ซึ่งจำเป็นต้องมีหากคุณต้องการจะทำให้ชีวิตนั้นแข็งแรง มีความสุข และเกิดความสมบูรณ์นั่นเอง