Search
Close this search box.

โรคแพ้กลูเตน (Celiac Disease) กับการดูแลสุขภาพ

2 นาที

12/10/2024

แชร์เนื้อหา:

แพ็คเกจที่คุณอาจสนใจ

ปกติ 24,820 บาท ลดเหลือ 15,000 บาท

ปกติ 28,500 บาท ลดเหลือ 17,500 บาท

ปกติ 16,500 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท

โรคแพ้กลูเตน หรือ Celiac Disease เป็นภาวะภูมิคุ้มกันที่ทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านโปรตีนกลูเตน ซึ่งพบได้ในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวไรย์ เมื่อคนที่มีภาวะนี้บริโภคอาหารที่มีกลูเตน ระบบภูมิคุ้มกันจะโจมตีลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่อผนังลำไส้เล็ก ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ หากไม่รักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารและปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้

อาการของโรคแพ้กลูเตน

โรคแพ้กลูเตนพบได้ในประชากรทั่วโลก โดยมีความชุกประมาณ 1% ของประชากรทั่วไป อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย เนื่องจากอาการที่หลากหลายและคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคนี้สูงได้แก่ ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นโรคแพ้กลูเตน ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือโรคไทรอยด์อักเสบ และผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการดาวน์

อาการของโรคแพ้กลูเตนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการชัดเจนและรุนแรง ขณะที่บางคนอาจไม่มีอาการเด่นชัด ในเด็ก นอกจากอาการทั่วไปแล้ว อาจพบภาวะการเจริญเติบโตช้า ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ พัฒนาการล่าช้า และการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ที่ช้ากว่าปกติ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  1. อาการทางระบบทางเดินอาหาร:
    • ปวดท้องหรือท้องอืด
    • ท้องเสียหรือท้องผูก
    • คลื่นไส้และอาเจียน
    • แก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้
  2. อาการนอกระบบทางเดินอาหาร:
    • อ่อนเพลียเรื้อรัง
    • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • ผื่นคัน (Dermatitis Herpetiformis)
    • ปวดข้อหรือกระดูก
    • ภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน
    • ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
    • ปัญหาเกี่ยวกับการมีบุตรยาก

การวินิจฉัยโรคแพ้กลูเตน

สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคแพ้กลูเตนไม่ควรหยุดรับประทานอาหารที่มีกลูเตนก่อนได้รับการตรวจวินิจฉัย เนื่องจากอาจทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้ การวินิจฉัยโรคแพ้กลูเตนเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ขั้นตอนการวินิจฉัยประกอบด้วย:

  • การซักประวัติและตรวจร่างกาย: แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการ ประวัติครอบครัว และตรวจร่างกายอย่างละเอียด
  • การตรวจเลือด: มีการตรวจหาแอนติบอดีที่เกี่ยวข้องกับโรคแพ้กลูเตน เช่น anti-tissue transglutaminase antibodies (tTG-IgA) และ endomysial antibodies (EMA)
  • การตรวจทางพันธุกรรม: ตรวจหายีน HLA-DQ2 และ HLA-DQ8 ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคแพ้กลูเตน
  • การส่องกล้องและตัดชิ้นเนื้อ: เป็นวิธีที่ยืนยันการวินิจฉัยได้แน่นอนที่สุด โดยแพทย์จะใช้กล้องส่องตรวจลำไส้เล็กส่วนต้นและตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจสอบความเสียหายของลำไส้

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน

การปรับเปลี่ยนอาหาร

วิธีการรักษาโรคแพ้กลูเตนที่ได้ผลที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีกลูเตนอย่างเข้มงวด ผู้ป่วยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรับกลูเตนเข้าไปในร่างกาย โดยเลือกอาหารปราศจากกลูเตน อ่านฉลากอาหารอย่างละเอียด และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีความเสี่ยง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

ผู้ป่วยโรคแพ้กลูเตนควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ไรย์ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธัญพืชเหล่านี้ รวมถึงอาหารแปรรูปที่อาจมีส่วนผสมของกลูเตน เช่น ขนมปัง พาสต้า ขนมเค้ก คุกกี้ เบียร์ และซอสต่างๆ

การดูแลสุขภาพระยะยาว

หลังจากหลีกเลี่ยงกลูเตนอย่างต่อเนื่อง ผนังลำไส้เล็กจะเริ่มฟื้นฟูและสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพระยะยาวจำเป็นต้องติดตามผลอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

แพ้กลูเตน ห้ามกินอะไร

หากคุณมีอาการแพ้กลูเตน (Celiac Disease) หรือเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกลูเตน คุณควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีปัญหากับกลูเตน ควรเลือกอาหารที่มีความปลอดภัย เช่น ข้าว, มันฝรั่ง, ผัก, ผลไม้, เนื้อไม่ติดมัน, และผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “กลูเตนฟรี” เพื่อสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงจากการแพ้กลูเตน

  • ข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวสาลี: ขนมปัง, พาสต้า, ขนมเค้ก, คุกกี้, และอาหารที่มีส่วนผสมของข้าวสาลี
  • ข้าวบาร์เลย์: มักพบในเบียร์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวบาร์เลย์ เช่น โอ๊ตที่ไม่ได้ระบุว่าเป็น “กลูเตนฟรี”
  • ไรย์: มักใช้ในขนมปังดำและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไรย์
  • อาหารแปรรูป: หลายชนิดมีส่วนผสมของกลูเตน เช่น ซอสถั่วเหลือง, ซอสมะเขือเทศ, และน้ำซุปสำเร็จรูป ควรตรวจสอบฉลากก่อนบริโภค
  • อาหารที่มีการปนเปื้อน: อาหารที่มีการเตรียมหรือปรุงร่วมกับอาหารที่มีส่วนผสมของกลูเตน เช่น การทอดในน้ำมันเดียวกัน
  • ขนมขบเคี้ยว: ขนมที่ทำจากแป้ง เช่น มันฝรั่งทอด, ป๊อปคอร์นที่มีรสชาติ, และขนมกรุบกรอบที่มีการเติมแป้ง
  • ผลิตภัณฑ์นมและเนื้อบางชนิด: ควรระวังผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติหรือการปรุงรสที่อาจมีส่วนผสมของกลูเตน

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่แพ้กลูเตน

วิธีการรักษาโรคแพ้กลูเตนที่ได้ผลที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีกลูเตนอย่างเข้มงวด ผู้ป่วยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรับกลูเตนเข้าไปในร่างกาย ดังนี้:

เลือกอาหารปราศจากกลูเตน ผู้ป่วยควรอ่านฉลากอาหารอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบว่ามีกลูเตนเป็นส่วนประกอบหรือไม่ อาหารที่ปลอดภัยได้แก่ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว และผลิตภัณฑ์นมที่ไม่มีการเติมกลูเตน รวมถึงธัญพืชที่ปราศจากกลูเตน เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวเจ้า หรือควินัว

หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีความเสี่ยง อาหารแปรรูปมักมีการเติมกลูเตนโดยไม่ระบุชัดเจน เช่น ขนมปัง ซุป ซอส ซีเรียล และขนมอบ ดังนั้นควรตรวจสอบฉลากอาหารทุกครั้งก่อนบริโภค

ปรึกษานักโภชนาการ การปรึกษานักโภชนาการสามารถช่วยผู้ป่วยสร้างแผนอาหารที่เหมาะสมและมีสารอาหารครบถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดสารอาหารจากการไม่สามารถบริโภคอาหารบางประเภทที่มีกลูเตนได้

การดูแลสุขภาพระยะยาว หลังจากหลีกเลี่ยงกลูเตนอย่างต่อเนื่อง ผนังลำไส้เล็กจะเริ่มฟื้นฟูและสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพระยะยาวจำเป็นต้องติดตามผลอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การจัดการอาหารนอกบ้าน เมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน ผู้ป่วยควรสื่อสารกับพนักงานร้านอาหารเพื่อสอบถามว่าเมนูอาหารนั้นปราศจากกลูเตนหรือไม่ และขอให้แยกการปรุงอาหารเพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนกลูเตน

ผลกระทบระยะยาวหากไม่ได้รับการรักษา

หากไม่ได้รับการรักษาและยังคงบริโภคกลูเตนต่อไป ผู้ที่แพ้กลูเตนอาจเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระยะยาว เช่น ภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากลำไส้ไม่สามารถดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น โรคกระดูกพรุนจากการขาดแคลเซียมและวิตามินดี ส่งผลให้กระดูกอ่อนแอและเสี่ยงต่อการแตกหักง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบเจริญพันธุ์ ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือการแท้งบุตรจากการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ ในระยะยาว ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลำไส้ จะเพิ่มสูงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

บทสรุป

โรคแพ้กลูเตนเป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อกลูเตนในอาหาร ส่งผลให้เกิดการอักเสบของลำไส้เล็ก การรักษาหลักคือการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลูเตนอย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและอาหาร แต่หากทำได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ การตระหนักรู้ถึงอาการ การวินิจฉัยที่ถูกต้อง และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโรคนี้

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

ชวัลนุช ม่วงประเสิรฐ

Chawannut Muangprasert

ประวัติการศึกษา

Master's degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor's degree : Faculty of Medicine,Ramathibodi hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology

บทความที่น่าสนใจ