Search
Close this search box.

5 ท่านอน สำหรับคนนอนหลับไม่สนิท

แชร์เนื้อหา:

แพ็คเกจที่คุณอาจสนใจ

ปกติ 24,820 บาท ลดเหลือ 15,000 บาท

ปกติ 28,500 บาท ลดเหลือ 17,500 บาท

ปกติ 16,500 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท

การนอนหลับที่สมบูรณ์แบบมีความสำคัญต่อสุขภาพทั้งกายและจิตใจ เมื่อเราพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายจะได้รับพลังงานให้กับการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบฮอร์โมนต่างๆ เป็นต้น แต่สำหรับบางคน การหลับไม่สนิทหรือหลับยากอาจเป็นปัญหาที่ค้างคาในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เพื่อช่วยให้คุณได้รับการพักผ่อนที่ดีและการนอนหลับที่สบาย วันนี้เรามี 5 ท่านอน สำหรับคนนอนหลับไม่สนิทที่ควรลองเพื่อเพิ่มคุณภาพของการนอนหลับของคุณ Welida จะพาทุกท่านมาหาคำตอบกันในบทความนี้

1. ท่านอนตะแคงข้าง

1. ท่านอนตะแคงข้าง

การนอนตะแคงมีประโยชน์หลายประการ ช่วยส่งเสริมการจัดตำแหน่งกระดูกสันหลังให้แข็งแรง และเป็นตำแหน่งการนอนหลับที่มีแนวโน้มจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องใช้หมอนหนุน การนอนตะแคงอาจลดอาการเสียดท้องได้ บอกได้เลยว่าท่านอนตะแคงซ้ายได้รับการยกย่องว่าเป็นท่าที่ดีที่สุดสำหรับการนอนหลับ เพราะช่วยลดแรงกดทับอวัยวะภายใน ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการกรน

การจัดท่านอน: นอนตะแคงซ้าย วางหมอนรองศีรษะให้อยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง วางหมอนอีกใบไว้รองระหว่างเข่าเพื่อรักษาแนวกระดูกสันหลังให้ตรง

2. ท่านอนหงาย

2. ท่านอนหงาย

การนอนหงายเป็นท่านอนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสอง โดยมีคุณประโยชน์มากมายเทียบได้กับท่านอนตะแคง เมื่อคุณนอนหงาย คุณสามารถรักษากระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวเดียวกันและกระจายน้ำหนักตัวให้เท่าๆ กันได้อย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันอาการปวดคอหรือหลังที่อาจเกิดขึ้น การนอนหงายยังช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกหรือภูมิแพ้ได้ ตราบใดที่คุณยันตัวให้อยู่ในท่าตัวตรง ท่านอนหงายเป็นท่าที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาปวดหลัง ช่วยลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลังและคอ

การจัดท่านอน: นอนหงาย วางหมอนรองศีรษะให้อยู่ในแนวโค้งธรรมชาติของคอ วางหมอนรองเข่าเล็กๆ ไว้ใต้เข่าเพื่อลดแรงกดทับหลังส่วนล่าง

3. ท่านอนกอดหมอน

3. ท่านอนกอดหมอน

การนอนกอดหมอนเป็นอีกหนึ่งท่านอนที่มีประโยชน์ ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น ทั้งนี้การกอดหมอนยังสามารถช่วยลดความเครียดและทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การกอดหมอนระหว่างนอนตะแคงยังช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ลดอาการปวดหลังและคอได้ โดยเฉพาะหากใช้หมอนที่มีความนุ่มพอดี

การจัดท่านอน: นอนในท่าตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง วางหมอนหนุนศีรษะให้อยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง ใช้หมอนอีกใบหนึ่งกอดไว้กับหน้าอก และวางหมอนเล็กๆ ไว้ระหว่างขาเพื่อรักษาความตรงของกระดูกสันหลัง

4. ท่านอนคว่ำ

4. ท่านอนคว่ำ

การนอนคว่ำมักไม่ใช่ท่าที่แนะนำเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดคอและหลัง การนอนคว่ำอาจทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลให้กล้ามเนื้อและข้อต่อมีความตึงเครียด นอกจากนี้การนอนคว่ำอาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจเนื่องจากหน้าอกถูกกดทับ

การจัดท่านอน: หากต้องการนอนคว่ำ ควรวางหมอนหนุนศีรษะในระดับต่ำ หรือไม่ใช้หมอนเลยเพื่อให้คออยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง นอกจากนี้ควรวางหมอนใบเล็กไว้ใต้สะโพกเพื่อช่วยลดการกดทับที่กระดูกสันหลัง

ข้อควรระวังในการนอนคว่ำ

การนอนคว่ำมีข้อเสียหลายประการ และไม่แนะนำสำหรับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะบุคคลต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ:

  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้ที่มีอาการปวดคอหรือหลัง
  • ผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอย

การนอนคว่ำทำให้หลังได้รับการพยุงน้อยที่สุดในทุกตำแหน่งการนอน และเพิ่มแรงกดบนกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อตื่นนอน การนอนคว่ำต้องหันศีรษะไปข้างหนึ่ง ทำให้คอและศีรษะไม่ตรงกับกระดูกสันหลังส่วนอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ หากที่นอนไม่แน่นพอ ท้องและสะโพกจะจมลงในที่นอน ทำให้กระดูกสันหลังยืดออกอย่างไม่สบาย ท่านอนที่ไม่สมดุลประเภทนี้อาจส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังเมื่อเวลาผ่านไป นอกจากนี้ การนอนคว่ำหน้ายังทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ เนื่องจากใบหน้าของคุณถูกกดทับกับหมอนหรือพื้นผิวของที่นอน

5. ท่านอนเด็ก

5. ท่านอนเด็ก

ท่านอนเด็กหรือท่านอนกอดตัวเองเป็นท่านอนที่หลายคนรู้สึกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่รู้สึกเครียดหรือห่วงใย การนอนในท่านี้ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย การนอนเด็กยังช่วยลดอาการกรนและช่วยให้การหายใจเป็นไปอย่างราบรื่น

การจัดท่านอน: นอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง งอเข่าขึ้นมาชิดหน้าอกให้มากที่สุด และกอดเข่าด้วยแขนทั้งสองข้าง วางหมอนหนุนศีรษะให้อยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลัง เพื่อให้กระดูกสันหลังอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

ลักษณะของการนอนหลับที่ดี

อ้างอิง: domusretreat.com 

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต ผลการวิจัยล่าสุดจากสถาบันการนอนหลับแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Sleep Foundation) ระบุว่า การนอนที่ดีควรมีลักษณะดังนี้:

  1. ระยะเวลาการนอนที่เหมาะสม ผู้ใหญ่ควรนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน โดยวัยรุ่นอาจต้องการมากถึง 8-10 ชั่วโมง และผู้สูงอายุอาจเพียงพอที่ 7-8 ชั่วโมง
  2. ประสิทธิภาพการนอน ควรใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีในการเข้าสู่ภาวะหลับ และตื่นกลางดึกไม่เกิน 1 ครั้งต่อคืน
  3. ครบวงจรการนอน การนอนที่ดีควรผ่านครบทั้ง 4 ระยะ ได้แก่ หลับตื้น หลับกลาง หลับลึก และหลับฝัน (REM sleep) โดยแต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 90-110 นาที
  4. คุณภาพการนอน ตื่นนอนด้วยความรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงนอนระหว่างวัน และไม่จำเป็นต้องงีบกลางวัน
  5. ความต่อเนื่องของการนอน นอนหลับต่อเนื่องโดยไม่มีการตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง หรือหากตื่น สามารถกลับไปนอนต่อได้ภายใน 20 นาที

ผลกระทบของการนอนไม่เพียงพอ

ผลกระทบของการนอนไม่เพียงพอ

การนอนหลับเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและสมอง แต่ในยุคที่เราต้องเผชิญกับความเร่งรีบและความเครียด การนอนไม่เพียงพอกลายเป็นปัญหาที่พบบ่อย ผลการวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าการนอนน้อยส่งผลกระทบต่อร่างกายในหลายด้าน ได้แก่

  1. สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ นักประสาทวิทยาพบว่า การนอนน้อยทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวกับความจำและการตัดสินใจทำงานช้าลง นักศึกษาที่อดนอนเพื่ออ่านหนังสือสอบอาจพบว่าตัวเองจำข้อมูลได้แย่ลง และตอบข้อสอบได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  2. ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กพบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืนมีโอกาสติดหวัดมากกว่าคนที่นอนเพียงพอถึง 3 เท่า เนื่องจากร่างกายผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันได้น้อยลง
  3. เสี่ยงต่อโรคหัวใจ สมาคมโรคหัวใจอเมริกันรายงานว่า การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่มีความเครียดสูง
  4. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น การศึกษาในวารสาร Sleep พบว่า คนที่นอนน้อยมักรู้สึกหิวบ่อยและเลือกกินอาหารที่มีแคลอรีสูง เนื่องจากฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารทำงานผิดปกติ
  5. อารมณ์แปรปรวน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบิร์คลีย์พบว่า การนอนไม่พอเพียงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล โดยเฉพาะในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น
  6. ผิวพรรณเสื่อมเร็ว แพทย์ผิวหนังยืนยันว่า การนอนน้อยทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและมีริ้วรอยเร็วกว่าปกติ

ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างเพียงพอไม่ใช่เพียงเรื่องของสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิตระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรนอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ เช่น การจัดห้องนอนให้มืดและเงียบ หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน และรักษาเวลาเข้านอนให้สม่ำเสมอ

บทสรุป

การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต ท่านอนที่เหมาะสม ระยะเวลาการนอนที่เพียงพอ และสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยล้วนมีส่วนช่วยให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การนอนไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจในหลายด้าน

เพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอน ควรเลือกท่านอนที่เหมาะสม เช่น นอนตะแคงซ้ายหรือนอนหงาย โดยใช้หมอนรองศีรษะและหมอนรองเข่าเพื่อรักษาแนวกระดูกสันหลัง รักษาเวลานอน-ตื่นให้สม่ำเสมอ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และระวังเรื่องอาหารและเครื่องดื่มที่อาจรบกวนการนอน

การผ่อนคลายก่อนนอนด้วยกิจกรรมเบาๆ และการใช้เทคนิคผ่อนคลายหากนอนไม่หลับ เป็นวิธีที่ช่วยได้ หากมีปัญหาการนอนที่รบกวนชีวิตประจำวันต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ท้ายที่สุด การให้ความสำคัญกับการนอนหลับโดยถือเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพ จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

ชวัลนุช ม่วงประเสิรฐ

Chawannut Muangprasert

ประวัติการศึกษา

Master's degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor's degree : Faculty of Medicine,Ramathibodi hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology

บทความที่น่าสนใจ