15 วิตามินบํารุงผม และป้องกันผมร่วงที่ดีที่สุด (อัปเดต 2025)

สุขภาพของเส้นผมเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสุขภาพภายในของร่างกาย หากร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น เส้นผมอาจอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย ปัญหาผมร่วงและผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม ความเครียด ฮอร์โมน หรือการขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ การเสริมสร้างสุขภาพเส้นผมจากภายในด้วยวิตามินที่เหมาะสมสามารถช่วยบำรุงเส้นผม ลดการขาดร่วง และส่งเสริมให้ผมแข็งแรงขึ้น
วิตามินบำรุงผม คืออะไร
วิตามินและแร่ธาตุบำรุงผมเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมกระบวนการทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเส้นผม เช่น การกระตุ้นรากผม การสร้างเคราติน และการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะ วิตามินเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบาง และทำให้เส้นผมมีความเงางามและสุขภาพดีขึ้น
15 วิตามินบำรุงผม และป้องกันผมร่วง
1. Biotin (วิตามิน B7)

ไบโอตินเป็นหนึ่งในวิตามินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อพูดถึงการบำรุงเส้นผม ไบโอตินเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้และจัดอยู่ในกลุ่มวิตามินบีรวม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง การเสริมไบโอตินสามารถช่วยป้องกันผมร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม และช่วยให้ผมมีความเงางามมากขึ้น ไบโอตินทำงานโดยการช่วยให้ร่างกายย่อยและแปลงไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นพลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นต่อสุขภาพของรูขุมขนและรากผม การขาดไบโอตินอาจนำไปสู่ภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเส้นผมเปราะขาดง่ายได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมไบโอตินจึงเป็นวิตามินที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมอ่อนแอ
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ ไข่แดง ตับ ถั่ว อะโวคาโด และกล้วย อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจต้องเสริมไบโอตินในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอในการบำรุงเส้นผม
2. Zinc (สังกะสี)

สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของต่อมไขมันที่หนังศีรษะ ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันเส้นผมแห้งเปราะ การขาดสังกะสีอาจทำให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดรังแคได้ นอกจากนี้ สังกะสียังมีความสามารถในการควบคุมระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงแบบพันธุกรรม หากร่างกายขาดสังกะสี อาจทำให้การผลิตเส้นผมใหม่ลดลง ส่งผลให้ผมบางลงเรื่อยๆ
แหล่งอาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ หอยนางรม เนื้อวัว เนื้อไก่ ไข่ ถั่ว เมล็ดฟักทอง และธัญพืชไม่ขัดสี หากร่างกายได้รับสังกะสีไม่เพียงพอ สามารถเสริมด้วยอาหารเสริมสังกะสีได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากการบริโภคสังกะสีมากเกินไปอาจส่งผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ธาตุเหล็กและทองแดง
3. Vitamin C (วิตามินซี)

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์รากผมจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนที่เพียงพอ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น วิตามินซียังมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นต่อโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้เส้นผมมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะขาดง่าย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม ฝรั่ง กีวี สตรอว์เบอร์รี่ พริกหวาน และมะเขือเทศ หากไม่สามารถได้รับวิตามินซีเพียงพอจากอาหาร สามารถเสริมด้วยอาหารเสริมวิตามินซีเพื่อช่วยบำรุงเส้นผมและสุขภาพโดยรวมได้
4. Iron (ธาตุเหล็ก)

ธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปยังรากผม หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก เส้นผมอาจไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่เพียงพอ ทำให้เกิดภาวะผมร่วงจากภาวะโลหิตจางได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมากหรือสตรีตั้งครรภ์ ธาตุเหล็กยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะ ทำให้รากผมแข็งแรงและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อแดง ตับ ไข่ ผักโขม ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่ว หากมีภาวะขาดธาตุเหล็ก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสริมอาหารเสริมธาตุเหล็ก เนื่องจากการได้รับธาตุเหล็กมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
5. Folic Acid (กรดโฟลิก)

กรดโฟลิกเป็นวิตามินในกลุ่ม B ที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีความสำคัญต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงรากผม การขาดกรดโฟลิกอาจทำให้การเจริญเติบโตของเส้นผมช้าลง และเส้นผมมีลักษณะแห้งเสียและเปราะบาง
นอกจากนี้ กรดโฟลิกยังช่วยปรับปรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยช่วยลดการเกิดรังแคและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะ ทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น แหล่งอาหารที่มีกรดโฟลิกสูง ได้แก่ ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว และผลไม้เช่น ส้มและอะโวคาโด หากมีความจำเป็นสามารถเสริมด้วยอาหารเสริมกรดโฟลิกเพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น
6. Vitamin D (วิตามินดี)

วิตามินดีมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของเส้นผมโดยช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของรูขุมขนและลดการอักเสบที่หนังศีรษะ การขาดวิตามินดีอาจทำให้รูขุมขนเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมบางลงและอาจเกิดภาวะผมร่วงได้ วิตามินดีช่วยควบคุมวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม และยังช่วยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมซึ่งมีผลต่อสุขภาพโดยรวมของเส้นผมและหนังศีรษะ
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ไข่แดง นม และเห็ดบางชนิด อย่างไรก็ตาม แหล่งวิตามินดีที่ดีที่สุดคือการสัมผัสแสงแดดในช่วงเช้าเป็นประจำ ซึ่งช่วยกระตุ้นร่างกายให้สังเคราะห์วิตามินดีตามธรรมชาติ
7. Vitamin A (วิตามินเอ)

วิตามินเอช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีโดยกระตุ้นการผลิตซีบัม ซึ่งเป็นน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยให้เส้นผมคงความชุ่มชื้น ป้องกันอาการแห้งเสียและแตกปลาย นอกจากนี้ วิตามินเอยังช่วยในกระบวนการแบ่งเซลล์ของรูขุมขน ทำให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การได้รับวิตามินเอมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดภาวะผมร่วงได้ เนื่องจากวิตามินเอละลายในไขมันและสะสมในร่างกายหากได้รับในปริมาณที่สูง
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ได้แก่ ตับ แครอท มันเทศ ผักโขม และนมเสริมวิตามินเอ
8. Vitamin E (วิตามินอี)

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์เส้นผมจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะ ซึ่งช่วยให้รากผมได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบที่หนังศีรษะและช่วยซ่อมแซมเซลล์เส้นผมที่เสียหาย ทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีและเงางามขึ้น
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ ถั่ว เมล็ดพืช น้ำมันมะกอก และอะโวคาโด
9. Omega-3 Fatty Acids (กรดไขมันโอเมก้า-3)

โอเมก้า-3 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผม กรดไขมันชนิดนี้ช่วยบำรุงรูขุมขนให้แข็งแรง ทำให้เส้นผมเติบโตได้ดีขึ้นและมีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ ป้องกันปัญหาผมแห้งและเปราะขาดง่าย
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ และเมล็ดเจีย สำหรับผู้ที่ไม่สามารถบริโภคปลาได้ อาจเลือกเสริมด้วยน้ำมันปลาหรืออาหารเสริมโอเมก้า-3 เพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อการบำรุงเส้นผม
10. Protein (โปรตีน)

เส้นผมสร้างขึ้นจากโปรตีนเคราติน ดังนั้นการบริโภคโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญต่อการรักษาความแข็งแรงของเส้นผม โปรตีนช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างโครงสร้างของเส้นผม ลดปัญหาผมเปราะขาด และช่วยให้เส้นผมดูมีน้ำหนักและเงางาม แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว และพืชตระกูลถั่ว การขาดโปรตีนอาจทำให้ผมบางลงและเจริญเติบโตช้าลง ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอจะช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้น
11. Collagen (คอลลาเจน)

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเส้นผมและหนังศีรษะ มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและไม่เปราะขาดง่าย คอลลาเจนยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นผม ทำให้เส้นผมดูเงางามและสุขภาพดี
แหล่งอาหารที่มีคอลลาเจน ได้แก่ น้ำซุปกระดูก หนังปลา แหล่งโปรตีนจากสัตว์ และอาหารเสริมคอลลาเจน สำหรับผู้ที่ต้องการเสริมคอลลาเจน อาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อเส้นผมโดยตรง
12. Selenium (ซีลีเนียม)

ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังช่วยลดความเสียหายของเซลล์หนังศีรษะจากอนุมูลอิสระ ซีลีเนียมช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเส้นผม และช่วยลดอาการอักเสบที่อาจเป็นสาเหตุของผมร่วง
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยซีลีเนียม ได้แก่ ถั่วบราซิล เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และธัญพืชเต็มเมล็ด การได้รับซีลีเนียมในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันผมร่วงและส่งเสริมสุขภาพเส้นผมที่แข็งแรงขึ้น
13. Magnesium (แมกนีเซียม)

แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดผมร่วง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะ ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม และช่วยลดการสะสมของแคลเซียมที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน
แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ได้แก่ ผักใบเขียว อะโวคาโด กล้วย ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ด หากร่างกายได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ อาจทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย
14. Niacin (วิตามิน B3)

ไนอาซินช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม วิตามิน B3 ยังมีบทบาทในการลดการอักเสบของรูขุมขน ทำให้เส้นผมแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยไนอาซิน ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลา ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี หากมีการขาดวิตามิน B3 อาจทำให้เกิดภาวะผมร่วงและหนังศีรษะอักเสบได้
15. Panthenol (วิตามิน B5)

วิตามิน B5 หรือแพนทีนอลช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ลดอาการแห้งแตกปลาย และช่วยซ่อมแซมเส้นผมที่เสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ และกระตุ้นการผลิตเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักของเส้นผม แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B5 ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ ธัญพืชไม่ขัดสี และอะโวคาโด การเสริมวิตามิน B5 สามารถช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรงและเงางามขึ้น
วิธีป้องกันผมร่วงที่ดีที่สุด
การป้องกันผมร่วงที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการดูแลทั้งจากภายในและภายนอก การเลือกบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และโปรตีน เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยบำรุงเส้นผมจากรากสู่ปลาย นอกจากโภชนาการที่ดีแล้ว การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผมอ่อนแอ เช่น ความเครียด การใช้สารเคมีรุนแรง และการใช้ความร้อนสูงกับเส้นผมบ่อย ๆ ก็เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยรักษาสุขภาพของเส้นผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สุขภาพของหนังศีรษะมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม หากหนังศีรษะแห้งหรือมีการอักเสบ อาจส่งผลให้รูขุมขนอ่อนแอและนำไปสู่ภาวะผมร่วงได้ การรักษาหนังศีรษะให้สะอาด และการนวดกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดสามารถช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่อ่อนโยนและปราศจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
พฤติกรรมการจัดแต่งทรงผมมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพเส้นผม การมัดผมแน่นเกินไป การใช้ไดร์เป่าผมหรือที่หนีบผมด้วยความร้อนสูงเป็นประจำ อาจทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและเปราะขาดง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือจัดแต่งทรงผมที่มีความร้อนสูงเป็นประจำ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนเพื่อช่วยลดความเสียหายต่อเส้นผมได้
นอกจากนี้ ความเครียดยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง การจัดการความเครียดด้วยการออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการนอนหลับอย่างเพียงพอสามารถช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบว่าผมร่วงมากผิดปกติ อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินหาสาเหตุและแนวทางรักษาที่เหมาะสม การดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องและต่อเนื่องจะช่วยให้เส้นผมแข็งแรง มีสุขภาพดี และลดปัญหาผมร่วงในระยะยาว