รู้จัก การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome DNA Test)

ความรู้

บทความ

หมวดหมู่

อัพเดทเมื่อ พฤษภาคม 14, 2025

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้าเวลิด้า

ในวันนี้ Welida Wellness Center อยากชวนคุณมารู้จักกับการตรวจสุขภาพลำไส้ในมิติใหม่ที่เรียกว่า “Gut Microbiome DNA Test” การตรวจที่ให้ข้อมูลลึกถึงระดับยีนของจุลินทรีย์ในลำไส้ เพื่อเข้าใจว่าจริง ๆ แล้ว ร่างกายของเรากำลังอยู่ในภาวะสมดุล หรือมีจุลินทรีย์บางกลุ่มที่มากหรือน้อยเกินไป ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมมากกว่าที่คิด

ดังนั้น ถ้าคุณเคยมีอาการท้องอืดง่าย แพ้อาหารบางอย่าง น้ำหนักขึ้นง่าย ผิวไม่สดใส หรือแม้แต่มีอารมณ์แปรปรวนแบบไร้เหตุผล ภายในบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจต้นเหตุจากภายใน ได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมวิธีรับมือที่ตรงจุด เพื่อดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นจากลำไส้สู่ทุกระบบในร่างกาย

Gut Microbiome คืออะไร?

หลายคนอาจจะคุ้นคำว่า “โปรไบโอติกส์” หรือ จุลินทรีย์ดีในลำไส้ มาบ้าง แต่รู้ไหมว่า ภายในลำไส้ของเรามีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Gut Microbiome หรือ จุลินทรีย์ในลำไส้ อาศัยอยู่รวมกันนับล้านล้านตัว และไม่ใช่แค่แบคทีเรียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัส ยีสต์ และจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ ที่มีหน้าที่ซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด

Gut Microbiome เปรียบเสมือนระบบนิเวศขนาดย่อมในตัวเรา ซึ่งบางชนิดช่วยย่อยอาหาร สร้างวิตามิน ควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยกำจัดสารพิษ และสื่อสารกับสมองผ่าน gut-brain axis จนมีนักวิจัยบางคนขนานนามลำไส้ว่า “สมองที่สอง” ของร่างกายเลยทีเดียว โดยในทางกลับกัน ถ้าจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล หรือที่เรียกว่า Dysbiosis(ภาวะความไม่สมดุลของจุลินทรีย์) อาการต่าง ๆ ที่เราคิดว่าไม่เกี่ยวกันเลย อาจมีจุดเริ่มต้นร่วมกัน เช่น

  • ท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย
  • สิว ผื่น ผิวพรรณหมองคล้ำ
  • ภูมิแพ้ แพ้อาหาร อาการหอบหืด
  • ความเครียด อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า
  • น้ำหนักขึ้นง่าย เผาผลาญพัง ดื้ออินซูลิน

เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจว่าในลำไส้ของเรามีใครอยู่บ้างและเขาทำงานได้ดีหรือไม่ จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพระยะยาวอย่างแท้จริง

Gut Microbiome เกี่ยวอะไรกับ DNA Test?

การตรวจ Gut Microbiome แบบ DNA Test คือการนำเทคโนโลยีการถอดรหัสพันธุกรรมมาใช้เพื่อวิเคราะห์สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ซึ่งการตรวจนี้ไม่ได้มองแค่จำนวนของแบคทีเรียเท่านั้น แต่สามารถแยกแยะชนิด ความหลากหลาย และระดับความสมดุลของจุลินทรีย์ได้ละเอียดถึงระดับยีน

ลำไส้ของแต่ละคนมีจุลินทรีย์เฉพาะตัว เหมือนลายนิ้วมือที่ไม่มีใครเหมือนกัน การใช้วิธี DNA Sequencing หรือการถอดรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างอุจจาระ จึงช่วยให้เราเข้าใจได้ว่าในระบบย่อยอาหารของตัวเองมีจุลินทรีย์ชนิดใดมากหรือน้อยเกินไป ตัวไหนมีแนวโน้มจะก่อโรค หรือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว โดยข้อมูลจากการตรวจยังสามารถนำมาเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น ระบบเผาผลาญ การควบคุมน้ำหนัก ภูมิแพ้ ปัญหาผิวพรรณ หรือแม้แต่ภาวะอารมณ์และคุณภาพการนอน เพราะจุลินทรีย์เหล่านี้มีบทบาทกับระบบภายในมากกว่าที่คิด

ที่สำคัญ การตรวจแบบ DNA ยังเปิดโอกาสให้เราได้รับคำแนะนำเชิงลึกที่เฉพาะบุคคล เช่น ควรเสริมโปรไบโอติกส์ชนิดไหน ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใด และอาหารแบบไหนที่เหมาะกับลำไส้ของเราโดยตรง ไม่ใช่แค่คำแนะนำทั่วไปแบบเดียวกันสำหรับทุกคน จึงได้ว่าการตรวจ Gut Microbiome DNA Test ไม่ได้เป็นเพียงการตรวจว่าระบบลำไส้ทำงานดีหรือไม่ แต่เป็นเครื่องมือที่ใช้ความแม่นยำของพันธุกรรม มาแปลความซับซ้อนของจุลินทรีย์ในตัวเราให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่ตรงจุดกว่าที่เคยอีกด้วย

ตรวจ Gut Microbiome แล้วได้อะไรบ้าง

การตรวจ Gut Microbiome แบบ DNA ไม่ได้แค่บอกว่าลำไส้เรามีจุลินทรีย์ชนิดใดอยู่บ้าง แต่ยังช่วยประเมินความสมดุลของระบบย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน และแนวโน้มของโรคในอนาคตอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะปัญหาที่เราอาจไม่เคยนึกถึง เช่น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผิวหนังอักเสบ หรืออารมณ์แปรปรวน ซึ่งล้วนมีความเชื่อมโยงกับชนิดและจำนวนของจุลินทรีย์ในลำไส้ทั้งสิ้น

ผลลัพธ์จากการตรวจสามารถนำไปวางแผนการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาหารให้เหมาะกับลำไส้ของตัวเอง การเสริมโปรไบโอติกส์ให้ตรงกับจุลินทรีย์ที่ขาด หรือการป้องกันความเสี่ยงในระยะยาวโดยไม่ต้องพึ่งวิธีรักษาที่ปลายเหตุ นี่คือจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพจากรากฐานอย่างแท้จริง

ใครบ้างที่ควรตรวจ Gut Microbiome

แม้ว่าใคร ๆ ก็สามารถตรวจ Gut Microbiome เพื่อรู้จักร่างกายตัวเองได้ดีขึ้น แต่สำหรับบางกลุ่ม การตรวจนี้อาจช่วยไขข้อสงสัยที่ค้างคามานาน และพาไปสู่แนวทางดูแลสุขภาพที่ตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีอาการเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือมีปัญหาสุขภาพสะสมแบบไม่ชัดเจน ผู้ที่เหมาะจะเข้ารับการตรวจนี้ ได้แก่

  • คนที่มีปัญหาลำไส้เรื้อรัง เช่น ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย หรือ IBS โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
  • คนที่ผิวแพ้ง่าย มีสิว ผื่น หรืออาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง แม้จะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น
  • คนที่น้ำหนักขึ้นง่าย เผาผลาญพัง หรือมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน แม้จะควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
  • คนที่เป็นภูมิแพ้บ่อย หอบหืด หรือมีอาการแพ้อาหารที่ไม่สามารถระบุชัดเจนได้
  • คนที่มีปัญหานอนหลับ หรืออารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า วิตกกังวลโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • คนที่ทานอาหารแปรรูปหรือของหวาน ของทอดบ่อย ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้แบบไม่รู้ตัว

หากคุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือรู้สึกว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ การตรวจ Gut Microbiome อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจร่างกาย และปรับแนวทางการดูแลสุขภาพให้ตอบโจทย์ชีวิตคุณมากขึ้น

การตรวจ Gut Microbiome ทำอย่างไร? เจ็บไหม? ยุ่งยากหรือเปล่า

หลายคนอาจคิดว่าการตรวจสุขภาพลำไส้ต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนหรือยุ่งยาก แต่จริง ๆ แล้ว การตรวจ Gut Microbiome แบบ DNA เป็นขั้นตอนที่สะดวกและไม่เจ็บตัวเลย เพราะเป็นการเก็บตัวอย่างจากอุจจาระ ไม่ใช่การเจาะเลือดหรือส่องกล้องเหมือนที่หลายคนกังวล

ขั้นตอนเริ่มจากเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเหมาะสม จากนั้นจะได้รับอุปกรณ์เก็บตัวอย่างกลับไปใช้ที่บ้าน โดยไม่ต้องงดอาหารหรือหยุดกินยาสำคัญล่วงหน้า ยกเว้นในกรณีที่ใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งควรงดก่อนตรวจประมาณ 3 วันเพื่อให้ผลแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเมื่อเก็บตัวอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้นำส่งกลับห้องแล็บเพื่อตรวจวิเคราะห์ โดยนักวิจัยจะนำ DNA จากจุลินทรีย์ในตัวอย่างไปถอดรหัสผ่านกระบวนการวิเคราะห์ลึกถึงระดับยีน เพื่อดูว่าในลำไส้มีจุลินทรีย์ชนิดไหนอยู่บ้าง และแต่ละตัวมีบทบาทอย่างไรต่อสุขภาพ

กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 60–70 วัน และเมื่อได้ผลแล้ว แพทย์จะอธิบายภาพรวมของลำไส้ พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลในการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร การเสริมโปรไบโอติกส์ หรือการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับลำไส้ของคุณที่สุด

ดูแลลำไส้ให้สมดุลเริ่มต้นได้ที่ Welida Wellness Center

เมื่อรู้แล้วว่าลำไส้คือศูนย์กลางสุขภาพของทั้งร่างกาย และ Gut Microbiome เป็นตัวแปรสำคัญที่คอยควบคุมกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่การย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงอารมณ์ การดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้ให้สมดุลจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ที่พื้นฐานของการดูแลลำไส้เริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ อย่างการกินอาหารให้หลากหลาย โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และอาหารหมักดองตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้เติบโตได้ดี รวมถึงการลดอาหารแปรรูป ไขมันทรานส์ และน้ำตาลส่วนเกินที่รบกวนสมดุลของระบบภายใน

นอกจากนี้ การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการจัดการความเครียดก็มีผลอย่างมากต่อสุขภาพลำไส้ เนื่องจากทุกระบบในร่างกายล้วนเชื่อมโยงกัน หากดูแลแบบองค์รวม จุลินทรีย์ดีจะค่อย ๆ กลับคืน และส่งผลต่อสุขภาพในภาพรวมทั้งภายนอกและภายใน

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาแนวทางดูแลลำไส้แบบเฉพาะบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน Welida Wellness Center ของเราพร้อมให้บริการตรวจ Gut Microbiome DNA Test ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ ระบบเผาผลาญ ผิวพรรณ และภูมิคุ้มกัน พร้อมวิเคราะห์ผลอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญเพียงติดต่อเรา พร้อมให้คำแนะนำด้านโภชนาการ วิตามิน และโปรไบโอติกส์ที่เหมาะกับคุณที่สุด เพราะสุขภาพดีเริ่มต้นจากลำไส้ และลำไส้ที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจร่างกายของตัวเองในแบบที่ลึกและแม่นยำกว่าที่เคย

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องโดย

สุทธวดี สุขเจริญสิน

Sutawadee Sukcharoensin

ประวัติการศึกษา

Master’s degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor’s degree : Faculty of Medicine,Ramathibodi hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine, Orthopaedic