Search
Close this search box.

ธุรกิจ Wellness มีอะไรบ้างในปี 2024

2 นาที

26/08/2024

แชร์เนื้อหา:

แพ็คเกจที่คุณอาจสนใจ

ปกติ 24,820 บาท ลดเหลือ 15,000 บาท

ปกติ 28,500 บาท ลดเหลือ 17,500 บาท

ปกติ 16,500 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท

ภายใต้สภาวะที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียด ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้นกว่าที่เคย ปี 2024 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการ Wellness โดยมีการบูรณาการเทคโนโลยี Healthtech ล้ำสมัยเข้ากับแนวคิดดั้งเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพกายและใจ การรับประทานอาหาร หรือวิธีการพักผ่อน ธุรกิจ Wellness กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ บทความนี้ Welida Health จะพาคุณสำรวจแนวโน้มและโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรม Wellness ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2024

ธุรกิจ Wellness คืออะไร?

ธุรกิจ Wellness คืออะไร?

Wellness(เวลเนส) ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีสุขภาพดีหรือปราศจากโรคภัยเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคก่อนที่จะเกิดขึ้น ธุรกิจ Wellness จึงเป็นอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนแบบองค์รวม

ตามนิยามของ Global Wellness Institute (GWI) ธุรกิจ Wellness แบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้แก่:

  1. Personal Care and Beauty
  2. Wellness Tourism
  3. กิจกรรมทางกายและการออกกำลังกาย
  4. อาหารเพื่อสุขภาพ
  5. การแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก

มูลค่าตลาดและการเติบโตของธุรกิจ Wellness

ในปี 2022 มูลค่าตลาดธุรกิจ Wellness ทั่วโลกอยู่ที่ 5.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยประเทศไทยติดอันดับที่ 15 ของโลกในด้านการเติบโตของธุรกิจนี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แต่ธุรกิจ Wellness ในไทยก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2022 มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท

สำหรับปี 2024 คาดการณ์ว่าธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยจะเติบโตราว 20% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท จากรายได้รวมภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 3 ล้านล้านบาท นั่นหมายความว่า 1 ใน 3 ของรายได้จากการท่องเที่ยวจะมาจาก Wellness Tourism

ประเภทของธุรกิจ Wellness ในไทยปี 2024

1. การบำบัดและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness)

PANPURI Wellness
ที่มา: PANPURI Wellness

การบำบัดและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness): ในปี 2024 การบำบัดและดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างลงตัว การฝังเข็มใช้เทคโนโลยี AR เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ช่วยให้แพทย์มองเห็นตำแหน่งจุดฝังเข็มและข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ ด้านการนวดบำบัด มีการนำหุ่นยนต์อัจฉริยะมาใช้ ควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบทางไกล ทำให้สามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงแม้ในพื้นที่ห่างไกล สำหรับการแพทย์ทางเลือกและการใช้สมุนไพร ได้นำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ DNA มาช่วยในการแนะนำการใช้สมุนไพรที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงขึ้น

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • PANPURI Wellness: แบรนด์สปาและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกชั้นนำของไทย ที่ผสมผสานการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเข้ากับความหรูหรา
  • Chiva-Som International Health Resort: รีสอร์ทเพื่อสุขภาพระดับโลกในหัวหิน ที่นำเสนอโปรแกรมดูแลสุขภาพแบบครบวงจร

2. ฟิตเนสและการออกกำลังกาย (Fitness and Exercise)

Jetts Fitness
ที่มา: Jetts Fitness

ฟิตเนสและการออกกำลังกาย (Fitness and Exercise): ในปี 2024 วงการฟิตเนสและการออกกำลังกายได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย ยิมเสมือนจริงที่ใช้เทคโนโลยี VR และ AI ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายสามารถเข้าถึงประสบการณ์การฝึกที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นจากที่บ้าน คลาสโยคะและพิลาทิสแบบไฮบริดผสมผสานการเรียนออนไลน์และออฟไลน์ เพิ่มความยืดหยุ่นในการเข้าร่วมคลาส ขณะที่แอปพลิเคชันออกกำลังกายใช้ AI วิเคราะห์และปรับแผนการออกกำลังกายแบบเฉพาะบุคคล ช่วยให้ผู้ใช้งานบรรลุเป้าหมายสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • Absolute You: สตูดิโอออกกำลังกายที่มีหลากหลายคลาส เช่น โยคะ, ปั่นจักรยาน, และพิลาทิส พร้อมแอปพลิเคชันสำหรับจองคลาสและติดตามผลการออกกำลังกาย
  • Jetts Fitness: เชนฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีสาขาทั่วประเทศไทย

3. โภชนาการและการเสริมอาหาร (Nutrition and Supplements)

Organique Acai

โภชนาการและการเสริมอาหาร (Nutrition and Supplements): วงการโภชนาการและการเสริมอาหารได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้อย่างแพร่หลาย ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมถูกปรับแต่งให้เหมาะกับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ โปรแกรมอาหารและการควบคุมน้ำหนักใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ช่วยให้ผู้ใช้งานบรรลุเป้าหมายสุขภาพได้ง่ายขึ้น ขณะที่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพนิยมใช้วัตถุดิบจากฟาร์มอัจฉริยะในท้องถิ่น ส่งเสริมทั้งคุณภาพอาหารและความยั่งยืนของระบบนิเวศ

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • Organique Acai: ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพที่นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากอาซาอิเบอร์รี่
  • Botanica: ร้านอาหารและคาเฟ่เพื่อสุขภาพที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิกและปลอดสารพิษ

4. การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness)

4. การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness)

การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness): ในปี 2024 การดูแลสุขภาพจิตได้ก้าวหน้าไปอย่างมาก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย บริการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาผ่านแพลตฟอร์มเสมือนจริงช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้สะดวกขึ้น แอปพลิเคชันฝึกสติและการผ่อนคลายที่ใช้เทคโนโลยี Biofeedback ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจและควบคุมสภาวะทางร่างกายและจิตใจได้ดีขึ้น ขณะที่โปรแกรมบำบัดความเครียดด้วยเทคโนโลยี Neurofeedback ช่วยปรับสมดุลคลื่นสมองเพื่อลดความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริการอย่างใจดีคลับของ Welida Wellness ยังคงเป็นที่นิยม โดยผสมผสานการให้คำปรึกษาแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อสร้างชุมชนสนับสนุนทางจิตใจที่เข้มแข็งและเข้าถึงได้ง่าย

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • The Zen Center: ศูนย์ฝึกสมาธิและสติในกรุงเทพฯ ที่นำเสนอคอร์สฝึกสมาธิแบบต่างๆ
  • Sati App: แอปพลิเคชันฝึกสติและสมาธิของไทย ที่นำเสนอเนื้อหาทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

5. สปาและการบำรุงผิวพรรณ (Spa and Skin Care)

ที่มา: Divana Spa

สปาและการบำรุงผิวพรรณ (Spa and Skin Care): ในปี 2024 วงการสปาและการบำรุงผิวพรรณได้ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สปาสมัยใหม่ใช้ AI วิเคราะห์สภาพผิวและปรับทรีตเมนต์แบบเฉพาะบุคคล เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณนิยมใช้สารสกัดจากพืชพื้นถิ่นของไทย ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน ขณะที่บริการนวดหน้าด้วยหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญช่วยให้การนวดมีความแม่นยำและปลอดภัยสูง พร้อมทั้งเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการคุณภาพสูง

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • Divana Spa: เครือข่ายสปาชั้นนำของไทยที่มีชื่อเสียงด้านการนวดและทรีตเมนต์แบบไทย
  • Thann: แบรนด์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปาของไทยที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ

6. การนอนหลับและการฟื้นฟู (Sleep and Recovery)

Omazz

การนอนหลับและการฟื้นฟู (Sleep and Recovery): ในปี 2024 เทคโนโลยีได้ยกระดับคุณภาพการนอนหลับและการฟื้นฟูร่างกายอย่างก้าวกระโดด ห้องนอนอัจฉริยะสามารถปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนของแต่ละบุคคล ทั้งอุณหภูมิ แสง และเสียง เพื่อการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แอปพลิเคชันวิเคราะห์คุณภาพการนอนใช้ AI ประมวลผลข้อมูลและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล ช่วยปรับปรุงสุขภาวะการนอนอย่างตรงจุด ขณะที่โปรแกรมฟื้นฟูร่างกายผสมผสานเทคโนโลยี Cryotherapy และ Hydrotherapy ช่วยเร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อและลดอาการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • Omazz: แบรนด์ที่นอนและหมอนสัญชาติไทยที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น
  • Sleepify: คลินิกเฉพาะทางด้านการนอนหลับในกรุงเทพฯ ที่ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาการนอน

7. การแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Medical and Healthcare)

Doctor Anywhere
ที่มา: Doctor Anywhere

การแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Medical and Healthcare): ในปี 2024 วงการแพทย์และการดูแลสุขภาพได้ก้าวหน้าไปอย่างมากด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ คลินิกสุขภาพทั่วไปใช้ AI ในการวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดเวลารอคอย การตรวจสุขภาพประจำปีใช้เทคโนโลยี Whole Body Scanning ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ขณะที่โปรแกรมป้องกันโรคใช้ข้อมูล Big Data วิเคราะห์ความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ช่วยให้การวางแผนป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นไปอย่างครอบคลุมและเฉพาะเจาะจงมากกว่าที่เคย

ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ:

  • Bumrungrad International Hospital: โรงพยาบาลชั้นนำของไทยที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
  • Doctor Anywhere: แพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ ที่เชื่อมต่อผู้ป่วยกับแพทย์ผ่านวิดีโอคอล

การพัฒนาศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย (TWD)

การพัฒนาศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย (TWD)

ในปี 2024 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ผลักดันการยกระดับศูนย์เวลเนสให้เป็น “ศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย” หรือ Thai Wellness Destination (TWD) โดยมีเป้าหมายดังนี้:

  1. การรับรองมาตรฐาน: ตั้งแต่ปี 2021 มีการรับรองศูนย์เวลเนสทั้ง 5 ประเภทประมาณ 900 แห่งทั่วประเทศ และยกระดับเป็น TWD แล้ว 63 แห่ง (ณ มกราคม 2024)
  2. เกณฑ์การประเมิน: ศูนย์เวลเนสที่จะได้รับการรับรองเป็น TWD ต้องมีลักษณะความเป็นไทย 9 อย่าง เช่น ความเป็นชาติไทย ภาษาไทย วิถีชีวิตไทย ประเพณีวัฒนธรรมไทย ศิลปะไทย ภูมิปัญญาไทย สินค้าไทย และสถาปัตยกรรมแบบไทย
  3. เป้าหมายปี 2024: ตั้งเป้าหมายว่าจะยกระดับเป็นเวลเนสอัตลักษณ์ไทยได้รวมประมาณ 90-100 แห่ง คิดเป็นราว 10% ของศูนย์เวลเนสทั่วไปที่มีอยู่

แนวทางการพัฒนาธุรกิจ Wellness ในปี 2024 – 2025

แนวทางการพัฒนาธุรกิจ Wellness ในปี 2024 - 2025

ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยปี 2024 กำลังเผชิญทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ นำไปสู่แนวทางการพัฒนาที่หลากหลาย:

  1. การพัฒนาบุคลากร: แก้ปัญหาขาดแคลนเทอราปิสต์คุณภาพ โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาผลิตบุคลากร 5,000-10,000 คนต่อปี
  2. พัฒนาทักษะภาษา: ยกระดับความสามารถทางภาษาของบุคลากรเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  3. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: พัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีศักยภาพด้าน Wellness
  4. ส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น: นำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นมาผสมผสานกับบริการด้าน Wellness เพื่อสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่น
  5. สร้างแบรนด์ TWD: ร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการสร้างและประชาสัมพันธ์แบรนด์ Thai Wellness Destination (TWD) ในตลาดโลก

บทสรุปธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยปี 2024

ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยปี 2024 กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยและภูมิปัญญาดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมในหลากหลายด้าน ตั้งแต่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไปจนถึงการแพทย์และการดูแลสุขภาพ โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาด Wellness ในไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาทในปี 2024 คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด

การพัฒนาศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย (TWD) เป็นกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม Wellness ของไทยสู่ระดับโลก โดยมีเป้าหมายที่จะรับรองศูนย์ TWD ให้ได้ 90-100 แห่งภายในปี 2024 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

แนวทางการพัฒนาที่สำคัญประกอบด้วยการพัฒนาบุคลากร การยกระดับทักษะภาษา การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น และการสร้างแบรนด์ TWD ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ความท้าทายที่สำคัญคือการรักษาสมดุลระหว่างการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ กับการอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย

ในท้ายที่สุด ธุรกิจ Wellness ในประเทศไทยปี 2024 ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก การพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีดุลยภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Wellness ของไทยในระยะยาว

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

จีณณ์ ตันติพรสิน

Jene Tantipornsin

ประวัติการศึกษา

Master's degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor's degree : Faculty of Medicine,Lerdsin hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology

บทความที่น่าสนใจ