ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร? สำคัญอย่างมากต่อร่างกาย

ความรู้

บทความ

หมวดหมู่

อัพเดทเมื่อ February 9, 2025

บริการที่คุณอาจสนใจ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้าเวลิด้า

ระบบภูมิคุ้มกันเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ ทำหน้าที่ปกป้องเราให้ปลอดภัยจากการรุกรานของสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือแม้แต่เซลล์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติในร่างกาย เช่น เซลล์มะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกันประกอบด้วยอวัยวะ เซลล์ และโมเลกุลที่ทำงานประสานกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามและฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เช่น อ่อนแอเกินไปหรือทำงานมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรง

ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร?

ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร?

ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือระบบที่ทำหน้าที่สำคัญในการปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งจากภายนอก เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือสารพิษจากจุลินทรีย์ และจากภายใน เช่น เซลล์ที่ผิดปกติ เนื้องอก หรือเซลล์มะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและทำงานสมดุลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพดีและลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในอนาคต

โครงสร้างของระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกันทำงานร่วมกันผ่านอวัยวะ เซลล์ และสารเคมีหลากหลายชนิด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระบบหลัก ได้แก่:

  1. ภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด (Innate Immune System)
    • เป็นกลไกป้องกันขั้นแรกที่เราเกิดมาพร้อมกับมัน
    • ตัวอย่างเช่น ผิวหนัง เยื่อเมือก กรดในกระเพาะอาหาร น้ำตา และเหงื่อ ซึ่งช่วยยับยั้งเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
    • เซลล์เพชฌฆาต (Natural Killer Cells หรือ NK Cells) มีบทบาทสำคัญในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสหรือเซลล์มะเร็งได้อย่างรวดเร็ว
  2. ภูมิคุ้มกันที่ได้มาภายหลัง (Adaptive Immune System)
    • เป็นระบบที่ร่างกายพัฒนาขึ้นหลังการสัมผัสกับเชื้อโรค
    • เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด B-cells จะสร้าง “แอนติบอดี้” เพื่อเจาะจงและต่อสู้กับเชื้อโรค โดยมี T-cells ทำหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมในขั้นตอนต่อไป
    • ระบบนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการจดจำเชื้อโรค ทำให้การตอบสนองครั้งต่อไปรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ระบบภูมิคุ้มกันมีกี่ประเภท?

ระบบภูมิคุ้มกันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ซึ่งทำงานร่วมกันอย่างสมดุล:

1. ภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด (Innate Immune System)

ภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด (Innate Immune System) เป็นระบบป้องกันด่านแรกที่เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับมัน ระบบนี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงต่อเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่จะทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม เช่น ผิวหนัง เยื่อบุ เยื่อเมือกต่างๆ รวมถึงสารในร่างกาย เช่น กรดในกระเพาะอาหาร น้ำตา และเหงื่อ นอกจากนี้ เซลล์เพชฌฆาตธรรมชาติ (Natural Killer Cells หรือ NK Cells) ยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการจัดการกับเซลล์มะเร็งและเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส

2. ภูมิคุ้มกันที่ได้มาภายหลัง (Adaptive Immune System)

ภูมิคุ้มกันที่ได้มาภายหลัง (Adaptive Immune System) ระบบนี้เป็นระบบที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เคยพบเจอมาก่อน โดยทำงานอย่างจำเพาะเจาะจงผ่านการตอบสนองของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด B-cells และ T-cells เซลล์ B-cells มีหน้าที่ผลิตแอนติบอดี้ (Antibody) ซึ่งทำหน้าที่จับกับแอนติเจน (Antigen) ของเชื้อโรคเพื่อต่อต้านมัน ในขณะที่เซลล์ T-cells จะมาช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมอย่างสมบูรณ์

หน้าที่หลักของระบบภูมิคุ้มกัน

ระบบภูมิคุ้มกันมีบทบาทสำคัญหลายประการที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างสมดุลและปลอดภัย ได้แก่:

  • ป้องกันและทำลายเชื้อโรค ระบบภูมิคุ้มกันมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคจากภายนอก เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย และหากเชื้อโรคหลุดเข้ามา ระบบภูมิคุ้มกันจะทำลายมันก่อนที่จะแพร่กระจาย
  • กำจัดเซลล์ผิดปกติภายในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันสามารถตรวจจับและทำลายเซลล์ที่มีความผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง หรือเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส
  • กระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซม เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ ระบบภูมิคุ้มกันจะช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย
  • จดจำและเรียนรู้ ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจดจำเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เคยพบมาก่อน ทำให้ร่างกายสามารถตอบสนองได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในครั้งต่อไป

การดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

การมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสุขภาพในระยะยาว ต่อไปนี้คือวิธีที่ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง:

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และไขมันดี เพื่อเสริมสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและการทำงานของภูมิคุ้มกัน
  • นอนหลับเพียงพอ เพราะการพักผ่อนมีผลต่อการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
  • ลดความเครียด ความเครียดเรื้อรังสามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อเชื้อโรค

บริการเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่ Welida Health Wellness Center

บริการเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่ Welida Health Wellness Center

ที่ Welida Health Wellness Center เราให้ความสำคัญกับการดูแลระบบภูมิคุ้มกันที่สมดุลและแข็งแรง เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคในระยะยาว โดยเรามีบริการที่ออกแบบเฉพาะเพื่อตรวจวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนี้:

1. ตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกัน (Immune Level Assessment)

การประเมินระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพื่อวิเคราะห์ความพร้อมของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันและตอบสนองต่อโรคและการติดเชื้อ

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยบ่อย หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยให้ทราบถึงภาวะภูมิคุ้มกันที่อาจบกพร่องและแนะนำวิธีการดูแลเพื่อปรับสมดุล

2. ตรวจเซลล์ NK (NK Cell Activity Test)

การตรวจวิเคราะห์ความสามารถของเซลล์เพชฌฆาต (Natural Killer Cells) ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง หรือเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคร้ายแรง
  • ช่วยตรวจสอบความแข็งแกร่งของระบบภูมิคุ้มกันในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

3. ตรวจ QIS (Quantum Intelligence Screening)

การตรวจวิเคราะห์ระบบภูมิคุ้มกันและประเมินสุขภาพแบบองค์รวม โดยใช้เทคโนโลยี Quantum Intelligence Screening

  • สามารถตรวจหาภาวะความไม่สมดุลในระบบภูมิคุ้มกัน และประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทราบสภาพร่างกายในเชิงลึกและปรับปรุงการดูแลสุขภาพในระยะยาว

ทำไมต้องเลือก Welida Health Wellness Center?

  • เรามีทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด
  • ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและปลอดภัยในการตรวจวิเคราะห์
  • บริการครบวงจร ตั้งแต่การตรวจ การวางแผนการดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการให้คำปรึกษาในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ Welida Health Wellness Center เพื่อประเมินและเพิ่มศักยภาพของภูมิคุ้มกันของคุณตั้งแต่วันนี้!

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องโดย

จีณณ์ ตันติพรสิน

Jene Tantipornsin

ประวัติการศึกษา

Master’s degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor’s degree : Faculty of Medicine,Lerdsin hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology