ดริปวิตามินผิว คืออะไร?

ความรู้

บทความ

หมวดหมู่

อัพเดทเมื่อ พฤษภาคม 15, 2025

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายบริการลูกค้าเวลิด้า

การดูแลสุขภาพในยุคนี้ ไม่ได้หยุดแค่การกินดีหรือนอนพอ แต่หลายคนเริ่มมองหาวิธีฟื้นฟูร่างกายแบบเร่งด่วน หนึ่งในนั้นคือ การดริปวิตามิน ที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารโดยตรงผ่านหลอดเลือด เห็นผลไว ไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมหลายเม็ด ดังนั้น ในบทความนี้ Welida Health Wellness Center จะพาคุณไปรู้จักกับการดริปวิตามินแบบเข้าใจง่าย ครบทั้งข้อดี ข้อควรระวัง และวิธีเลือกสูตรให้เหมาะกับเป้าหมายสุขภาพของคุณ

ดริปวิตามิน คือ

ดริปวิตามิน คือ

ดริปวิตามิน (IV Drip Therapy) คือการให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารเข้าสู่ร่างกายผ่านสายน้ำเกลือโดยตรงเข้าสู่หลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ ไม่ต้องผ่านระบบย่อยเหมือนการกินวิตามินแบบเม็ด โดยส่วนใหญ่การดริปวิตามินผัวมักใช้เวลาประมาณ 30–60 นาทีต่อครั้ง และสามารถปรับสูตรตามเป้าหมายที่ต้องการกับสุขภาพได้ เช่น ฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน หรือบำรุงผิวพรรณ

ซึ่งความน่าสนใจของการดริปวิตามินผิวคือการดริปวิตามินในยุคนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอีกต่อไป แต่กลายเป็นทางเลือกของผู้ชายที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือสายฟิตเนสที่ต้องการเร่งการฟื้นตัวของร่างกาย หลายคนเรียกเล่น ๆ ว่า ดริปวิตามินผัว(ฮา) เพราะเห็นคุณผู้ชายแอบไปเติมพลังแบบเงียบ ๆ แล้วกลับมาหน้าสด ตาใส ราวกับได้ชาร์จแบตทั้งตัวในหนึ่งชั่วโมง

ดริปวิตามินช่วยอะไรได้บ้าง? ดีกว่าวิตามินแบบกินยังไง?

ดริปวิตามินช่วยอะไรได้บ้าง? ดีกว่าวิตามินแบบกินยังไง?

การดริปวิตามินมีข้อดีสำคัญคือ “เห็นผลไว และดูดซึมได้เต็มที่” เพราะสารอาหารทั้งหมดถูกส่งตรงเข้าสู่กระแสเลือด ไม่ต้องผ่านระบบย่อย ทำให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากวิตามินและแร่ธาตุได้ทันที ต่างจากการกินวิตามินแบบเม็ดที่ต้องผ่านการย่อย และร่างกายอาจดูดซึมได้เพียงบางส่วน (เฉลี่ยประมาณ 50–70%) ทั้งนี้ ถ้าคุณต้องการผลเร็ว รู้สึกสดชื่นไว และใช้ชีวิตหนักหน่วง การดริปอาจเป็นคำตอบที่ดีกว่าการกินวิตามินในรูปแบบเดิม

สูตรที่นิยมดริป เช่น วิตามินซีสูง กลูต้าไธโอน คอลลาเจน หรือแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยลดอาการอ่อนล้า บำรุงผิว เพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดอาการแฮงค์ในผู้ที่พักผ่อนน้อยหรือทำงานหนัก สำหรับผู้ชายหลายคน ดริปวิตามินยังถูกใช้เพื่อเสริมพลังงาน ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย หรือช่วยลดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรังจากการใช้ร่างกายหนักเกินไป

สูตรดริปยอดนิยม (IV Drip Formulas)

  • Skin Glow Drip
    วิตามินซี + กลูต้าไธโอน + คอลลาเจน
    ช่วยให้ผิวใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ ลดหมองคล้ำ และต้านอนุมูลอิสระ
  • Energy Booster Drip
    วิตามินบีรวม + Magnesium + Amino Acids
    ฟื้นฟูพลังงาน เหมาะกับคนทำงานหนัก พักผ่อนน้อย หรือเหนื่อยง่าย
  • Immunity Boost Drip
    วิตามินซีสูง + Zinc + Glutathione
    เสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการเป็นหวัดง่าย เหมาะในช่วงเปลี่ยนฤดู
  • Hangover Detox Drip
    วิตามินบี + NAC + น้ำเกลือ + ยาแก้คลื่นไส้
    เร่งฟื้นตัวจากอาการแฮงค์ ช่วยขับของเสียและลดอาการเวียนหัว
  • Fat Burner / Metabolism Drip
    L-Carnitine + B-Complex + Amino Acids
    ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เสริมการลดไขมัน เหมาะกับคนออกกำลังกาย
  • Jetlag Recovery Drip
    Electrolytes + Magnesium + B-complex
    เหมาะกับนักเดินทาง หรือคนที่ต้องปรับนาฬิกาชีวิต ลดอาการล้า
  • Anti-aging / Rejuvenation Drip
    Alpha Lipoic Acid (ALA) + Glutathione + Vitamin C
    ลดความเสื่อมของเซลล์ ฟื้นฟูร่างกายโดยรวม เหมาะกับผู้ต้องการชะลอวัย

ความปลอดภัยของการดริปวิตามิน

ความปลอดภัยของการดริปวิตามิน

หากทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน ดริปวิตามินถือว่าปลอดภัย และเป็นวิธีที่มีการใช้ในทางการแพทย์มายาวนาน ทั้งในแง่ของการรักษาภาวะขาดน้ำ หรือเสริมสารอาหารในผู้ป่วยที่ร่างกายดูดซึมได้ยาก แต่ถ้าเลือกผิด เช่น ดริปกับหมอกระเป๋า หรือใช้สูตรที่ไม่ชัดเจน ไม่ผ่านอย. อันนี้ เสี่ยงแน่นอน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ติดเชื้อ หรือได้รับสารเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นคลินิกที่ได้รับอนุญาต และมีการประเมินสุขภาพก่อนทุกครั้ง

ในเรื่องความถี่ แพทย์แนะนำว่าในช่วงเริ่มต้น (4 สัปดาห์แรก) สามารถดริปได้สัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นสามารถเว้นเป็นทุก 2–3 สัปดาห์ หรือเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนด้วย

ขั้นตอนการดริปวิตามินและวิธีดูแลตัวเองหลังทำ

ขั้นตอนการดริปวิตามินและวิธีดูแลตัวเองหลังทำ

ขั้นตอนของการดริปวิตามินเริ่มต้นง่าย ๆ แต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ โดยปกติจะมีการประเมินสุขภาพเบื้องต้น เช่น วัดความดัน ซักประวัติการแพ้ และเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะกับแต่ละบุคคล จากนั้นพยาบาลจะสอดเข็มเข้าสู่หลอดเลือดดำที่แขน เชื่อมต่อกับถุงน้ำเกลือที่มีวิตามินผสมอยู่ โดยใช้เวลาประมาณ 30–60 นาทีระหว่างการดริป โดยในขณะทำ ผู้รับบริการสามารถนั่งพักผ่อน ฟังเพลง หรือทำงานเบา ๆ ได้ หลังจากดริปเสร็จ ร่างกายจะเริ่มดูดซึมและขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะทันที ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ

การดูแลหลังดริปควรทำดังนี้

  • ดื่มน้ำเยอะขึ้น อย่างน้อย 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดี
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังดริป
  • ไม่ควรนวด หรือถูบริเวณที่มีรอยเข็มในวันแรก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่

หากปฏิบัติตามอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการดริปชัดเจนขึ้น และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น

ดริปวิตามินราคาเท่าไหร่ และควรเลือกทำที่ไหนดี?

ราคาของการดริปวิตามินขึ้นอยู่กับสูตรที่เลือก ส่วนผสม และมาตรฐานของสถานบริการ โดยทั่วไปราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 1,500–5,000 บาทต่อครั้ง สำหรับสูตรพื้นฐาน เช่น ผิวใสหรือเสริมภูมิคุ้มกัน แต่หากเป็นสูตรเฉพาะทาง เช่น สูตร Anti-aging, Fat Burner หรือ Recovery หลังเจ็บป่วย อาจมีราคาสูงกว่านี้ โดยบางคลินิกมีแพ็กเกจแบบคอร์สซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อทำต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญยิ่งกว่าราคาคือ ความน่าเชื่อถือของคลินิก ให้สังเกตสิ่งเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ

  • มีใบอนุญาตสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข
  • แพทย์ประจำคลินิกมีใบประกอบวิชาชีพชัดเจน
  • ส่วนผสมของวิตามินมีฉลาก แหล่งที่มาชัดเจน และไม่ปิดบังสูตร
  • มีการประเมินสุขภาพก่อนดริปทุกครั้ง ไม่ใช้สูตรเดียวกับทุกคน

สุดท้ายนี้ จำไว้ว่าการดริปวิตามินคือการใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกายโดยตรง แม้จะเพื่อจุดประสงค์ดี ก็ไม่ควรเสี่ยงกับของปลอม ของถูก หรือบริการที่ไม่ผ่านมาตรฐาน เพราะผลเสียอาจไม่ใช่แค่ “ไม่เห็นผล” แต่อาจถึงขั้นเกิดอันตรายต่อร่างกายคุณได้

บทความนี้ถูกตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องโดย

ชวัลนุช ม่วงประเสิรฐ

Chawannut Muangprasert

ประวัติการศึกษา

Master’s degree : Anti aging & Regenerative medicine Bachelor’s degree : Faculty of Medicine,Ramathibodi hospital

เฉพาะทางด้าน

Anti Aging & Regenerative medicine,Aesthetic dermatology